การแบ่งกลุ่มผู้ที่มีความมั่งคั่งในระดับสากลนั้น จะนับกลุ่มที่มีสินทรัพย์ทางการเงิน เงินลงทุน เงินฝากตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป โดยแบ่งได้ ดังนี้
1. กลุ่มเศรษฐีเงินล้าน (Millionaire) 30 – 150 ล้านบาท (1 – 5 ล้านเหรียญสหรัฐ)
2. กลุ่มมหาเศรษฐี (HNWI) 150 – 1,000 ล้านบาท (> 5 – 30 ล้านเหรียญสหรัฐ)
3. กลุ่มอภิมหาเศรษฐี (Ultra-HNWI) >1,000 ล้านบาท (> 30 ล้านเหรียญสหรัฐ)
*HNWI = High Net Worth Individual หรือ ผู้มีความมั่งคั่งสูง
กลุ่มผู้ร่ำรวยเหล่านี้มีการบริหารความมั่งคั่งให้ยั่งยืนโดย
เพิ่มความมั่งคั่ง (Wealth Accumulation)
- ทำให้เงินต้นงอกเงย (Capital Appreciation)
- ให้เงินทำงานแทน (Income Generation)
- มีไว้ใช้ยามฉุกเฉิน (Emergency Fund)
- เพื่อการเกษียณ (Retirement Fund)
- เพื่อส่งต่อให้ทายาท (Estate Planning)
- เพื่อการกุศล (Philanthropy)
ปกป้องความมั่งคั่ง (Wealth Protection)
- ปกป้องทรัพย์สินที่มีค่าที่สุด: ประกันชีวิต (Life Insurance)
- ปกป้องที่พักอาศัย: ประกันภัยอสังหาริมทรัพย์ (Estate Insurance)
- ปกป้องยานพาหนะ: ประกันภัยรถยนต์ (Vehicle Insurance)
- ปกป้องในอาชีพและความเสี่ยงฟ้องร้องในอาชีพ: ประกันภัยในอาชีพ (Professional Director Insurance)
- ปกป้องธุรกิจ: ประกันภัยธุรกิจ (Business Contingency Insurance)
การหาผู้บริจาคที่มีความมั่งคั่งสูงทำได้โดยเชื้อเชิญให้บริจาคโดยตรง (300 ล้านบาท+) ซึ่งสามารถพัฒนาโอกาสในการให้ด้วยการหาสมาชิกใหม่ จากการประชุมในแพลตฟอร์มต่างๆ รวมถึงการพัฒนาความสัมพันธ์กับองค์กรด้านความเชื่อต่างๆ การสร้างกิจกรรมในบริเวณที่เป็นที่สนใจของผู้ที่มีความมั่งคั่งสูง เชื้อเชิญผู้มีอิทธิพลให้มาสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง สร้างสรรค์และทำกิจกรรมต่างๆที่ดึงดูดผู้บริจาครายได้สูงให้มาร่วม
ที่มา: ธนชาติ
รูปปก: dailyhunt.in