แมรี่ เคย์ แอช เจ้าแม่เครื่องสำอางยี่ห้อ “แมรี่ เคย์” และสีชมพูอันโดดเด่น

ในยุคที่มีการกีดกันทางเพศค่อนข้างรุนแรงในอเมริกานั้น แมรี่ทำงานเป็นเลขาที่บริษัท Stanley Home Products (SHP) เหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเธอก็คือ เมื่อเธอได้ไปประชุมร่วมงานของบริษัทที่ดัลลัสที่มีการมอบรางวัลให้สุดยอดนักขายของบริษัท เธอเริ่มมีเป้าหมายชีวิตใหม่ทันที เธอตั้งใจทำงานด้านการขายมากและทำให้ปีต่อมาเธอก็ได้รางวัลที่ว่านี้และประสบความสำเร็จมากขึ้น ทำให้ผู้บริหารของ SHP เริ่มหวั่นเกรงในความสามารถจึงย้ายเธอไปที่ดัลลัสและตัดอนาคตเธอเสีย
ปี ค.ศ. 1952 เธอตัดสินใจลาออกไปอยู่กับบริษัทขายตรงอีกแห่งหนึ่งชื่อ World Gift ซึ่งก็มีเรื่องเดิมๆ เกิดขึ้น ปีแรกเธอสามารถทำเงินได้มากกว่ารายได้ของคนทั่วไปถึง 4 เท่า เธอจึงถูกกีดกันอีกครั้ง และตัดสินใจลาออกจาก World Gift หลังอยู่มาได้ 11 ปี จุดที่ทำให้เธอหมดความอดทนก็คือ เมื่อผู้ชายคนหนึ่งถูกจ้างมาให้เป็นผู้ช่วยของเธอ ได้เลื่อนตำแหน่งข้ามเธอไป และได้เงินเดือนมากกว่าเธอถึงสองเท่า ทั้งๆ ที่เธอเป็นคนที่สอนงานเขา
หลังจากนั้น เธอคิดจะเขียนหนังสือสำหรับผู้หญิงในแวดวงธุรกิจ โดยอ้างอิงจากประสบการณ์ของเธอเอง เธอจึงร่างรายการออกมาในกระดาษ 2 แผ่น แผ่นแรกเป็นเรื่องดีๆ ที่เธอได้พบเห็นในบริษัทที่เคยทำมา และอีกแผ่นคือเรื่องที่ควรปรับปรุง เมื่อเธอนำมาอ่านก็พบว่านี่คือแผนธุรกิจดีๆ ฉบับหนึ่ง เธอจึงเริ่มความคิดที่จะก่อตั้งบริษัทของตัวเองทันที
ในปี ค.ศ. 1963 แมรี่ใช้เงินเก็บที่หามาได้ตลอดชีวิตราว 5,000 เหรียญสหรัฐ เปิดบริษัทชื่อ “Beauty by Mary Kay” เป็นร้านที่มีขนาด 500 ตารางฟุตในดัลลัส โดยมีผลิตภัณฑ์หลักคือ ครีมทาผิว ซึ่งเธอได้ซื้อลิขสิทธิ์มาแล้วพัฒนาขึ้นเองด้วยความรู้ทางการแพทย์ที่เคยร่ำเรียนมา แมรี่มีตัวแทนจำหน่ายที่เรียกว่า “ที่ปรึกษาด้านความงาม” ผู้ซึ่งซื้อสินค้าในราคาส่งแล้วนำไปขายในราคาปลีก ตอนที่เธอเริ่มสร้างธุรกิจเครื่องสำอางนั้น เธออยู่ในวัยกลางคนคือ 45 ปี แล้ว แรกเริ่มบริษัทมีที่ปรึกษาด้านความงาม 11 คน ทำยอดขายได้กว่า 200,000 เหรียญในปีแรก ปีต่อมา ยอดขายเพิ่มเป็น 4 เท่า ในปี ค.ศ. 1964 เธอเริ่มจัดสัมมนาประจำปี ซึ่งต่อมากลายเป็นประเพณีของบริษัท โดยเธอลงมือทำอาหารเลี้ยงพนักงานและที่ปรึกษาของบริษัทกว่า 200 คน และเสิร์ฟอาหารด้วยตัวเอง เมื่ออาณาจักรของเธอเริ่มโตขึ้น การสัมมนาได้กลายมาเป็นงานเลี้ยงขนาดใหญ่ที่มีจุดประสงค์สำคัญเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงานและมีการมอบรางวัลที่มีราคาสูงหลายหมื่นเหรียญให้แก่พนักงานดีเด่นด้วย รวมถึงการมอบรถให้แก่คนที่ได้ตำแหน่งสุดยอดที่ปรึกษาด้านความงาม 5 อันดับแรก

โดย แมรี่ เคย์ แอช
คติประจำใจที่เธอมอบให้แก่เหล่าพนักงานคือ “การเอาใจเขามาใส่ใจเรา” แมรี่ เคย์นั้นเรียกได้ว่าเป็นเจ้านายที่ซื้อใจลูกน้องเก่งมาก เธอมักพูดว่า “ฉันอยากให้พวกคุณกลายเป็นผู้หญิงที่ได้เงินเดือนเยอะที่สุดในอเมริกา”
ในยุคทศวรรษที่ 80 บริษัทของแมรี่เริ่มสะดุดลงทั้งยอดขายและราคาหุ้น ในปี ค.ศ. 1985 ครอบครัวของเธอจึงตัดสินใจซื้อหุ้นบริษัทกลับคืนด้วยเงินกว่า 450 ล้านเหรียญ และแมรี่ได้เกษียณตัวเองในปี ค.ศ. 1987
ในปี ค.ศ. 1996 แมรี่มีอาการหลอดเลือดในสมองแตก ทำให้สุขภาพของเธอย่ำแย่ลงมาก จนกระทั่งเสียชีวิตในปี ค.ศ. 2001 ด้วยวัย 83 ปี ซึ่งในปีนี้ บริษัทมียอดขายสูงถึง 1,000 ล้านเหรียญ และอีก 9 ปีต่อมา ในปี ค.ศ. 2010 บริษัทมียอดขายสูงถึง 3,000 ล้านเหรียญ
ตอนที่แมรี่ เคย์ เสียชีวิต พนักงานพร้อมใจกันเข้าแถวเพื่อไว้อาลัยให้แก่เธอ ต่างยกย่องในความรัก ความดีงามที่ไม่เคยเห็นแก่ตัว และนี่คือตัวอย่างของคนที่ทำธุรกิจเพื่อมุ่งหวังให้ชีวิตผู้อื่นมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเริ่มต้นด้วยเป้าหมายเล็กๆ ที่ปูทางไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

(ที่มา: http://www.un.or.th)
จะเห็นได้ว่า แมรี่ เคย์ แอช นั้นมีความคิดล้ำหน้าไปไกล และธุรกิจของเธอนั้นสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ที่เห็นพ้องโดยรัฐบาลทั่วโลกในเดือนกันยายน ค.ศ. 2015 ตรงกับเป้าหมายที่ 5 ความเท่าเทียมกันทางเพศ
ที่มา: เนื้อหาของ แมรี่ เคย์ จาก 100 Ways Success บทเรียนทางธุรกิจของซีอีโอโลกที่ห้องเรียนไม่มีสอน