การศึกษาเรื่องสุขภาพของมนุษย์ รวมทั้งระบบการเยียวยารักษาในบริบทและมุมมองทางสังคมและวัฒนธรรม
นักมานุษยวิทยาการแพทย์ให้ความสนใจทั้งในการวิจัยพื้นฐานและการวิจัยเชิงประยุกต์เกี่ยวกับสุขภาพและระบบการรักษา ซึ่งมีผลต่อการปรับปรุงการดูแลรักษาความเจ็บป่วยในคลินิก และการปรับปรุงโครงการทางสาธารณสุขของชุมชน
มานุษยวิทยาการแพทย์มีกระบวนทัศน์และแนวทางการวิเคราะห์ที่หลากหลาย ซึ่งอาจแบ่งออกเป็น 5 แนวทางคือ
1. แนวทางการแพทย์เชิงชาติพันธุ์ (ethnomedical approach) เป็นการศึกษาเกี่ยวกับความคิดและการรับรู้ของคนในวัฒนธรรมต่างๆ เกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บและวิธีที่คนเหล่านั้นจัดการในการรักษา รวมถึงการจัดองค์การทางสังคมที่เกี่ยวกับการรักษาและการควบคุมโรคด้วย สิ่งที่นักมานุษยวิทยาให้ความสำคัญมักเป็นเรื่องการจำแนกความเจ็บป่วย การให้ความหมายความเจ็บป่วย พฤติกรรมการแสวงหาการรักษาโรคของผู้ป่วย รวมถึงทฤษฎีและแนวปฏิบัติของผู้ทำการรักษา
2. แนวทางการแพทย์เชิงชีวภาพ (biomedical approach) ใช้มุมมองมานุษยวิทยาชีวภาพ/กายภาพ สนใจศึกษาวิเคราะห์ผลที่ตามมาของสภาพกดดันต่างๆ เช่น ระดับความสูง สภาพอากาศที่หนาวจัด การขาดแคลนสารอาหารบางชนิด โรคติดเชื้อต่างๆ ที่ส่งผลให้มีการปรับตัวทางชีววิทยาในระยะยาว และส่งผลต่อสุขภาพของมนุษย์
3. แนวทางเชิงนิเวศ (ecological approach) สิ่งแวดล้อมทางวัฒนธรรม กายภาพ เศรษฐศาสตร์การเมือง ส่งผลต่อการกระจายตัวของความเจ็บป่วยและการตายด้วยโรคต่างๆ อย่างไร การปฏิบัติของกลุ่มคน เช่น การทำเกษตรกรรมที่ใช้ระบบชลประทานก็มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงดุลยภาพทางนิเวศของเชื้อโรคบางชนิด เช่นเชื้อมาลาเรีย ในหลายกรณีการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมมีผลทำให้สุขภาพของคนบางกลุ่มเปลี่ยนไปได้ทั้งในทางที่ดีและไม่ดี
4. แนวทางเชิงวิพากษ์ (critical approach) วิพากษ์แนวคิดการแพทย์กระแสหลัก โดยเฉพาะการแพทย์แบบตะวันตก การศึกษาเชิงวิพากษ์มี 2 กระแสย่อย คือ 1. แนวคิดที่อิงอยู่กับคตินิยมมากซ์ ซึ่งเน้นอิทธิพลของปัจจัยทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจในระดับมหภาคว่ามีผลต่อระบบสุขภาพและระบบการรักษาพยาบาล กระบวนการในระดับมหภาคโดยเฉพาะในระบบทุนนิยมถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของการปฏิบัติที่มีผลต่อการเกิดโรค 2. แนวคิดที่ท้าทายองค์ความรู้และฐานคติของการแพทย์กระแสหลักหรือการแพทย์แบบตะวันตกที่ถือว่ากายกับจิตแยกขาดจากกัน โดยการทำความเข้าใจที่ถูกต้องในความสัมพันธ์ระหว่างกายกับจิตเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยในการวางแผนการดูแลสุขภาพ
5. แนวทางประยุกต์ (applied approach) ประยุกต์ความรู้ทางมานุษยวิทยาการแพทย์ อาจทำใน 2 ระดับ คือ ในระดับคลินิก (การรับรู้ที่แตกต่างกันของแพทย์และของผู้ป่วย นักมานุษยวิทยาจะทำงานร่วมกับแพทย์และพยาบาลในคลินิกในการให้การรักษาและการดูแลสุขภาพ หรือฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์) และระดับสาธารณสุข (การวางแผนโครงการสุขภาพในระดับชุมชน ประเทศ หรือระดับนานาชาติ เช่น วางแผนสาธารณสุขมูลฐาน แผนโภชนาการ นักมานุษยวิทยาจะมีส่วนร่วมในการชี้ปัญหา วิเคราะห์สถานการณ์ สร้างแผนปฏิบัติงาน และประเมินโครงการสุขภาพในระดับต่างๆ)
แนวทางข้างต้นมีข้อสมมุติฐานที่สำคัญร่วมกันอยู่ 3 ประการ คือ
1. ความเจ็บป่วยและการรักษาเป็นประสบการณ์ขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ต้องทำความเข้าใจอย่างเป็นองค์รวม ภายในบริบทของความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรมของมนุษย์
2. โรคได้รับอิทธิพลทั้งจากสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมของมนุษย์ แต่อีกด้านหนึ่งโรคทำให้มนุษย์ต้องปรับตัวทั้งทางชีวภาพและวัฒนธรรมให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม
3. มิติทางวัฒนธรรมของระบบสุขภาพที่มีผลในทางปฏิบัติอย่างสำคัญ โดยเเฉพาะในสังคมพหุลักษณ์ที่มีหลายวัฒนธรรม
ที่มา: สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. 2561. พจนานุกรม ศัพท์มานุษยวิทยา ฉบับราชบัณฑิตยสภา. ห้างหุ้นส่วนจำกัด อรุณการพิมพ์.
